Anime Series – review Part I
[Angel Beats!, Fullmetal Alchemist Brotherhood, Clannad & Clannad After Story, Kanon, Natsume Yuujinchou]
เดิมทีไม่คิดจะโหลด Anime Series มาดู เพราะ มีความเชื่อมั่นว่ามันคงจะไม่สนุกเท่า Anime the Movie แต่เมื่อไม่มีอะไรจะดูต่อแล้ว จึงหยิบเลือก Haruhi มาดู แต่พอดูไปได้เพียง ตอนแรก ก็รับไม่ได้เสียแล้ว เพราะเนื้อหาแทบไม่มี เนื้อเรื่องที่อยากให้คนฮา แต่ผมไม่ฮาด้วย Fan Service หลายครั้งจนน่ารำคาญ พัก Series ไปซัก 1 เดือน ก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยความหวังสุดท้ายอันเต็มเปี่ยม
โปรดระวัง เนื้อหา SPOILER
1. Angel Beats! สร้างคุณค่าของการดำรงอยู่ หรือดำรงอยู่เพื่อให้มีคุณค่า
เป็น Anime Series เรื่องแรกที่ตั้งใจเอามาดูเอง คราวนี้ไม่ผิดหวัง และตื่นตะลึงกับเนื้อเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน Angel Beats! เป็นเรื่องราวหลังความตายของเหล่าวิญญาณนักเรียน High School ที่ต้องมาเข้าเรียนตามปกติ และเมื่อใครใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ก็จะถูกลบออกจากโลกแห่งนี้ ทำให้เกิดกลุ่มนักเรียนต่อต้านกฎขึ้นมา และท้าทายต่อพระเจ้าที่พวกเขาเชื่อว่า อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด การต่อสู้ระหว่างกลุ่มกบฎ และเทพธิดาจึงเริ่มขึ้น พระเอก Otonashi เป็นนักเรียนใหม่ที่มาสู่โลกที่กำลังต่อสู้ด้วยอาวุธหนัก พร้อมกับความทรงจำก่อนการตายได้สูญเสียไป ด้วยความบังเอิญ จึงได้เข้าร่วมกลุ่มกบฎต่อต้านเทพธิดา
ฉาก Action ที่มาปรากฎในเรื่องตอนแรก อาจทำให้หลายๆคนเลิกดูเรื่องนี้ไป ซึ่งทั้งตอน 1-4 เป็นการเกริ่นนำให้เห็นโครงสร้างของโลกนี้ แต่พอเข้าสู่ตอน 5 มุขตลกอย่าง Rocket Chair ได้เรียกเสียงเฮฮา เพิ่ม Rating จนชนะ K-ON!! ในทีวีบางช่องของญี่ปุ่น แต่ไม่สำคัญเท่ากับความเศร้าที่เรียกเสียงน้ำตามากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ตอน 6 ไป กลายเป็นการ์ตูนที่พร้อมเรียกเสียงฮาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับให้ความเศร้าได้ถึงก้นบึ้งหัวใจ หรือเป็นฉาก Action ที่เพิ่มอรรถรส
ฉาก title เดิมทีไม่คิดว่าเพลงไพเราะ แต่ถ้าเป็นฉากการเล่น Piano ของ เทพธิดา นับว่ายอดเยี่ยม ดวงไฟแสงที่ปรากฎก็ให้อารมณ์ได้ดีพร้อมเสียงเพลง ซึ่งต่อมาพบว่า เป็นแนวคิดของค่าย Key ที่ใช้ในหลายๆเรื่องมาก่อนหน้านี้ สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ นับว่าเป็น Anime Series ที่ดีที่สุดสำหรับผมในขณะนี้ และตัวละครที่น่าจดจำเป็นอย่างมาก ฉากความสนุกที่ติดตาไม่รู้ลืม
2. Fullmetal Alchemist Brotherhood แขนกลคนแปรธาตุ วงแหวน อมตะ แก่นแท้
นับว่าเป็นการ์ตูนที่มีฉาก Action เท่ๆหลายฉาก และเป็นการ์ตูน Action ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา เนื้อเรื่องอาจจะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น แต่ลุ้นฉากเท่ๆต่อไป และอยากเห็นเนื้อเรื่องที่พลิกแพลงเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอด ผมชอบที่พระเอกจะเท่เฉพาะฉากที่พระเอก Edward Elric มีความตั้งใจ แต่พอเป็นเรื่องธรรมดา เขาก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ยังคงตามหาความสุขจากครอบครัว และแก้ไขในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปในการชุบชีวิตแม่ของเขาขึ้นมา ทำให้ Alphonse ผู้น้องต้องเสียร่างกายไป และ Elric เสียขาและแขนไป นับเป็นการลงโทษจากผู้ท้าทายต่ออำนาจพระเจ้า Fullmetal Alchemist เป็นเรื่องที่แบ่งบทตัวละครได้ดีไร้ที่ติ ให้ความสำคัญได้อย่างเท่าเทียม ทำให้เมื่อ Edward Elric เข้าสู่ฉากปะทะสุดท้าย จึงเป็นความเท่อย่างไร้ขีดจำกัด ความอมตะที่ทุกคนใฝ่ฝัน กับการได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องลงแรงนั้นหามีไม่ ทุกอย่างล้วนได้มาเพราะเราทำไป ตรงตามกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ถ้าหากใครชอบฉาก Action คงไม่พลาด Fullmetal Alchemist แน่นอนอยู่แล้ว
3. Clannad & Clannad After Story เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป คุณจะยอมรับมันได้ไหม
Clannad เป็นภาษาไอริช แปลว่า Family หรือครอบครัวนั่นเอง Clannad เป็นผลงานการวาดจาก Kyoto Animation หลังจากเพิ่งทำ Haruhi ไปหมาดๆ ร่วมกับเนื้อเรื่องจาก Visual Novel ของค่าย Key ที่ได้นำมาทำการ์ตูนขึ้นหิ้งอย่าง Air หรือ Kanon ซึ่งทั้งหมดล้วนร่วมมือกับ Kyoto Animation ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า เติบโต โด่งดังมาพร้อมๆกันเลยทีเดียว
Clannad มีปัญหาที่ว่า poster ได้ให้ความรู้สึกเหมือน การ์ตูนผู้หญิืง และดวงตาที่ใหญ่เกินสัดส่วนอย่างมาก แต่เมื่อได้ดูไปแล้วจะพบว่า นั่นไม่ใช่ปัญหาในการรับชมเลย ทีแรกผมก็ไม่กล้าที่จะเอามาดู เก็บไว้ จนกระทั่งวันหนึ่งก็ต้องนั่งอึ้งไปเมื่อ Anime News Network มีผลการ Vote 10 anime อันดับแรก มี Clannad After Story เป็นอันดับหนึ่ง เหนือชั้นว่า Disappearance of Haruhi และ Fullmetal Alchemist เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา นั่นนำไปสู่การดูเพื่อไขข้อข้องใจ
Clannad แบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาค SchoolLife กับ ภาค After Story ซึ่งให้อารมณคนละแบบกัน ภาคแรกเริ่มเรื่องแนะำนำตัวละครอย่างไม่ค่อยปกติ ซึ่งเราจะพบได้ว่า มีทั้ง Tsudere และ Moe ผนวกกับ Harem เต็มที่ (ใครที่เคยดูประเภท Harem มาแล้ว อาจไม่รู้สึกชอบช่วงแรก) และเมื่อเข้าใจ Fuko Arc ถึงกับ อ้าปากข้างกับความ Fantasy ที่เขากล้าทำในเรื่อง Drama และสร้างความสนุก ความเศร้า ที่สอนใจคนดูไปพร้อมๆกับพระเอก Tomoya ได้เป็นอย่างดี
พอกลางเรื่อง Kotomi Arc ได้เรียกน้ำตาคลอได้อีกครั้ง และดีกว่า Fuko Arc จนทำให้ Kotomi เป็นตัวละครที่น่าสนใจขึ้นมาเลยทีเดียว และเมื่อเข้าค่อนปลายเรื่อง ก็เข้าสู่ conclusion ของ Harem เพื่อจบความเป็น Harem ในตอนที่ 18 นับว่า ใช้ท่าทีของตัวละครได้ดีเยี่ยม การให้ฉาก และเพลงเหนือสิ่งอื่นใดที่กินใจคนดูไปอีกนาน
และจบ Clannad ด้วย Nagisa Arc เรื่องความหลังของนางเอก ที่ผมชอบมากเลยคือ คำตอบของคำถามที่ว่า “หากฉันเกิดมา แล้วทำให้ฝันของพ่อแม่ฉันสูญสลาย ฉันควรที่จะเกิดมาไหม” “ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีความสุขเช่นไร ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ก็ไร้ซึ่งฝันไปเสียแล้ว” และเข้าสู่บทสรุปอันยิ่งใหญ่ เสียงเพลง ที่ให้ตรงอารมณ์คนดู สุดยอดมากๆ เปิดตัวคำตอบที่ว่า “ฝันของลูกนั่นแหละ คือฝันใหม่ของพ่อแม่ ดังนั้นลูกจงทำฝันของลูกให้เป็นจริง” สุดยอด ถ้าดูไปตลอดทาง คำตอบนี้แหละที่สุดยอดตรงใจสุดๆ น้ำตาคลอกันเลยทีเดียว
หลังจากก็ดู Clannad After Story ในทันใดด้วยความติดใจงอมแงม เนื้อเรื่องต่อกันในทันใด เข้าสู่ Youhei&Mei Arc ที่สามารถเรียกเสียงความ Moe เต็มที่สำหรับ Mei และเรียกได้ว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความเกรียนของ พระเอกTomoya และได้ทำให้เห็นความจริงใจของเพื่อนนามว่า Youhei อย่างแท้จริง ต่อจากนั้น Misae Arc ก็เข้ามาเรียกน้ำจิ้มแบบ The Cat Return ของค่าย Ghibli ได้แบบข้ามภพข้ามชาติ จบ SchoolLife ด้วย Yukine Arc ที่เรียกความฮาพร้อมความเศร้าได้อย่างอลังการเป็น Arc สุดท้าย
เมื่อจบ HighSchool ชีวิตก็เพิ่งจะเริ่มขึ้น ความท้าทายของพระเอกได้ส่งทอดมาถึงคนดู เรื่องเริ่มดูมืดมน ทั้งหมดมีแต่ปัญหา ทั้งหางานทำ ที่อยู่ ครอบครัว และเพื่อนๆที่ต้องแยกทางกันไป ทำให้ Clannad After story เปลี่ยนสภาพโครงเรื่องสู่ครอบครัว และยามที่ Tomoya พบปัญหามากที่สุด Nagisa ก็ได้เข้ามาในชีวิต และแต่งงานกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดดูแจ่มใสขึ้น แต่แล้วความทุกข์ที่ตามมาหลังการตายของ Nagisa ในตอนที่ 16 หลังจากได้พบเพื่อนทุกๆคน และคลอดลูก Nagisa ก็ลาโลกนี้ไป ทิ้ง Ushio ไว้ให้กับ Tomoya เพียงลำพัง กลายเป็น ช่วงเศร้าที่สุดของไปเลย ทุกอย่างที่เกี่ยวกับภาคแรก จะกลายเป็นอดีตที่ได้แต่ทำให้เจ็บปวด เพราะตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพียงแต่ยอมรับมันได้หรือเปล่า เพลง Dango ใน ED ภาคแรก กลายเป็นเพลงที่เรียกน้ำตาได้ทุกครั้งที่ได้ยิน
และตอนที่ 18 ที่เศร้าที่สุดของ Clannad ได้ทำให้ Tomoya ได้แก้ปัญหาเรื่องคำว่าครอบครัว และตัวคุณพ่อของTomoyaเอง ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น Ushio ก็ได้จากไปด้วยโรคอาการเดียวกับ Nagisa และ illusion world ที่แทรกมาทุกๆตอน ก็เข้ามามีบทบาท และปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากที่พระเอกเข้าใจคำว่า “ครอบครัว” และ “ชีวิต” มากขี้นๆทีละน้อย จึงนำพาจิตใจที่อ้างว่างกลับมาสู่โลกความเป็นจริง และสร้างมิติย้อนกลับไปสู่เวลาที่ Nagisa คลอดลูกอีกครั้ง พระเอกก็เข้าใจทุกอย่าง และยอมรับชีวิต ยอมรับเมืองที่เข้าอยู่ ยอมรับคุณพ่อของเขาเอง และสุดท้าย Tomoya ก็ยอมรับตัวเอง และการเปลี่ยนแปลงได้
นับว่า เป็น สุดยอด Anime Series ที่เรียกน้ำตาบนแก้มที่มีรอยยิ้ม ทำให้เรายอมรับได้ว่า ชีวิตประกอบทั้งสุขและทุกข์ ดังนั้นจงรักในความสุขและความทุกข์ จึงจะรักในการมีชีวิตได้
4. Kanon (2006)“จะรอคำสัญญานั้น” .. ความฝัน ความเหงา กับความจริงอันหนาวเหน็บ และแสนเจ็บปวด
ถ้าจะหา Harem ที่เป็นเรื่อง Fantasy ฉบับอมตะล่ะก็ นี้แหละคือ Standard of Harem ที่ขึ้นหิ้งเอาไว้แล้ว เป็นแม่แบบของ Harem เรื่องต่อๆไป การเก็บความลับของตัวละครหญิงได้ดีที่ดำเนินไปด้วยพระเอก ยูอิจิ และการเข้าสู่ Arc ของแต่ละตัวละครเป็นไปอย่างช้าๆ การใส่วลีที่จดจำได้ไปตลอดชีวิตอย่าง Uguu~ และ Ahaha~ หรือการสร้างเอกลักษณ์ด้วยความ Moe อย่างถูกต้องตามหลักการของ Harem ตอนจบที่พลิกแพลงได้ดี แต่ไม่เกินความคาดหมาย หากจะอธิบายไป Kanon มีพบใน Anime ในอีกหลายๆเรื่อง Arc ที่ผมคิดว่าดีที่สุด คงเป็นของ Mai ที่ใช้การฟันปีศาจอย่างอลังการ ไม่ได้ประทับใจมาก เพราะเนื้อเรื่องช้า แต่ถ้าดูเนื้อเรื่อง ถือว่าดีมากๆ คล้ายๆ Clannad ไม่เศร้าเท่า แต่เฮฮามากกว่า หากชีวิตใครขาด Moe กับ Harem ก็ดูเรื่องนี้แก้กระหายได้ดีมาก แต่หากเพิ่งดู Harem ไป อาจทำให้เบื่อนิดๆได้ 55+
5. Natsume Yuujinchou 1 & 2 ปีศาจกับมนุษย์ สิ่งใดที่บริสุทธิ์กว่า
เรื่องนี้เนื้อหาไม่มากแบบ Shoujou ทั่วไป แต่การที่พจน์เรื่องคล้าย Spirited Away มากๆ ทำให้เกิดความอุ่นใจในการดูเรื่องนี้มากๆ อาจไม่ได้ประทับใจการดูตั้งแต่แรก แต่เนื้อเรื่องจะน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ภาค 1 จนถึง ภาค 2 และยังคงมีต่อถึง ภาค 3 และภาค 4 น่าสนใจมาก ทั้งการไล่ปีศาจ การผนึกวิญญาณ คำสาปต่างๆ ทำให้อบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะหน้าแมวกวักของ เนียนโกะเซนเซียะ ที่ทั้งฮา ทั้งฉลาด สุขุม ตะกละ แต่น่ารัก และน่ารังเกียจในบางครั้ง แต่พอดูไป จะน่ารักมากกว่า เพราะนับวันพระเอกจะฉลาดน้อยลง (เสียสละเพื่อคนอื่นมากขึ้น) เรื่องนี้น่าประทับใจ เหมาะแก่ดูเพื่อคลายเครียดยิ่งนัก
6. Steins;Gate หากขอย้อนได้ จะย้อนกลับไปไม่ให้ย้อนได้อีก
หากใครต้องการเห็น Timeline ที่สุดยอด จากการ์ตูนย้อนเวลา หรือชั้นเชิงการย้อนเวลาหลายๆประเภท เรื่องนี้ตอบคำถามได้หลายๆเรื่อง และนำเนื้อหาเกี่ยวกับ Time Machine ทุกกลเม็ดมาแสดงให้เห็นอย่างสุดยอด นี้แหละครั้งสุดยอด Anime Scifi เรื่องหนึ่งที่ดีที่สุด
ว่างๆจะมาเขียนต่อ…